![](https://sites.google.com/a/samakkhi.ac.th/arrayathamgreek/_/rsrc/1441881034866/prachy-laea-nak-khid-sakhay/imagesSRAH6U9G.jpg?height=200&width=155)
ธาลิส ( Thales ) มีการเริ่มต้นยิ่งใหญ่ในกรีก มิเลทัส ตอนเริ่มศตวรรษที่ ๖ก่อนคริสตศักราช มิเลทัสมีอำนาจทางทะเลมีอาณานิคมล้อมรอบฝั่งทะเลดำ วางรากฐานการก่อตั้งกรีกในอียิปต์ธาเลส(Thales) เกิดก่อนพระพุทธเจ้า เป็นนักปราชญ์ รัฐบุรุษ นักคณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์ วิศวกร ทำนายการเกิดสุริยุปราคาที่เกิดวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ก่อนพุทธศักราช ๔๒ ปี เขากล่าวว่าน้ำเป็นปฐมธาตุ โลกแบนกลมลอยในน้ำ
ทฤษฏีของ ธาเลส น้ำเป็นสิ่งที่เห็นได้ จับต้องได้ แต่เป็นอนันต์หรือไม่มีค่าจำกัด ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ ขึ้นกับการสังเกตุและกการทดลองและผลิตผลลัพธ์ ปรัชญาขึ้นกับเหตุผลและไม่ผลิตผลลัพธ์
![](https://sites.google.com/a/samakkhi.ac.th/arrayathamgreek/_/rsrc/1441881084104/prachy-laea-nak-khid-sakhay/imagesKLER2IOH.jpg)
อแนกซีแมนเดอร์(Anaximander)เกิดราว 610 B.C. เป็นกรีกคนแรกที่เขียนหนังสือเป็นร้อยแก้ว(prose) หนังสือเล่มนี้สูญหาย แต่ก็มีคุณค่าต่อนักปราชญ์ มักถูกใช้อ้างบ่อยๆ คำอ้างอิงที่เกี่ย0E27กับความคิดเริ่มต้นและทั่วไปของปัญหาของอะแนกซิแมนเดอร์ที่ธาเลสยกขึ้นม่าดังนี้
๑)สาเหตุของวัตถุและธาตุแรกเป็นอนันต์ สาเหตุของมวลไม่ใช่น้ำหรือธาตุอื่นแต่เป็นสาเหตุที่แตกต่างไป เป็นอนันต์ที่เกิดจากสวรรค์ทั้งหมดและโลกภายในของมัน
๒) นี่เป็นชั่วนิจนิรันดร์และไม่มีอายุที่ครอบคลุมคำทั้งหมด
๓) สิ่งที่จะเกิดขึ้นต้องผ่านการตายอีกครั้ง ทำการซ่อมแซม พอใจต่อกันตามการเรียงลำดับเวลา
๔) มีการเคลื่อนที่นิรันดร์ที่นำมาให้กำเนิดแก่โลก
๕) ไม่ได้บอกกำเนิดของสิ่งกับการเปลี่ยนแปลงในมวลสารแต่บอกว่าsubstratum แยกกันอยู่
จากคำอ้างอิงเหล่านี้มีหลายค่าที่อะแนกซิแมนเดอร์ไม่ได้ใช้ด้วยตัวเอง เขาอาจสมมุติมาจากกวี ยากที่จะนึกภาพว่าเขาคิดได้อย่างไรถ้าไม่มาจากตัวเอง
เป็นศิษย์ธาเลส ศึกษาดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ทำแผนที่โลก เผยแพร่นาฬิกาแดดแก่กรีก เขียนหนังสือปรัชญา On Nature ซึ่งเป็นตำราเล่มแรกของกรีก ปฐมธาตุเป็นอนันต์ ที่ไม่มีลักษณะตายตัว เป็นอะไรก็ได้หรือเป็นพลังงาน
อแนกซีเมเนส(Anaximenes) เป็นศิษย์อะแนกซิแมนเดอร์ บอกว่าน้ำและอนันต์ไม่ใช่ปฐมธาตุของโลก อากาศต่างหากเป็นปฐมธาตุ
![](https://sites.google.com/a/samakkhi.ac.th/arrayathamgreek/_/rsrc/1441881135858/prachy-laea-nak-khid-sakhay/socrates.jpg)
โซคราติส (Socretis) พ.ศ.๗๓–๑๔๔ เกิดที่เอเธนส์ คิดว่าความรู้เรื่องปฐมธาตุ โลกหรือกำเนิดจักรวาลมีประโยชน์น้อยมาก ความรู้ควรเกี่ยวกับมนุษย์และหน้าที่มนุษย์ เพราะมนุษย์สามารถนำความรู้เหล่านี้ไปปรับปรุงชีวิตให้ดีขึ้น การค้นคว้าปรัชญามีจุดมุ่งหมายมากกว่าที่การปฎิบัติมากกว่าการสร้างทฤษฏี ทางอภิปรัชญา เหตุผลเป็นเครื่องมือแสวงหาความรู้ เหตุผลช่วยให้ค้นหามโนภาพ ความรู้เป็นมโนภาพ มโนภาพคือความรู้จักสิ่งสากล
วิธีการของโซคราติส เป็นศิลปะการสนทนา
๑) สงสัย (sceptical)
๒) สนทนา(conversational)
๓) หาคำจำกัดความ (defination)
๔) อุปนัย (inductiive)
๕) นิรนัย (deductiive)
ความรู้คือคุณธรรม คนมีความรู้จะประพฤติดี เป็นคนมีเหตุผลสูง ถูกต้องต้องทำ ในที่สุดถูกประหารชีวิต
อริสโตเติลกล่าวว่า คนที่มือถึอสาก ปากถือศีล ( Hypocite) คนมากด้วยกิเลสตัณหาเป็นพวกแพ้จิตใจที่ต่ำ กรีกมีนักปรัชญาสำคัญที่สุดคือพลาโตและอริสโตเติล
![](https://sites.google.com/a/samakkhi.ac.th/arrayathamgreek/_/rsrc/1441881181655/prachy-laea-nak-khid-sakhay/plato3.jpg?height=200&width=192)
เพลโต (Plato) พ.ศ. ๑๑๖–๑๙๖ ชื่อเดิมคืออริสโตเคลอส์ (Aristocles) เกิดที่เอเธนส์ เมื่อโสเครติสถูกประหารชีวิต
เพลโตอายุ ๒๘ ปี พลาโตเห็นการเมืองเป็นเรื่องสกปรก เขาหนีไปอยู่เมการาที่ได้พบยูคลิดส์(Euclides) ที่เป็นศิษย์ของโสเครติส ผู้ก่อตั้งสำนักปรัชญาที่มีปรัชญาของโสเครติสกับร์มีนิเดส พลาโตศึกษาปรัชญาและออกจากเมการาเดินทางไปไซรินี อียิปต์ อิตาลี และซิชิลี ศึกษาปรัชญาของพิธากอรัสที่อิตาลี ท่องต่างแดนถึง ๑๐ ปี กลับเอเธนส์ ตั้งสำนักศึกษาแก่เยาวชนกรีก ชื่ออะคาเดมี(Academy) เปิดสอน พ.ศ. ๑๕๖ ขณะเพลโตอายุไ ๔๐ ปี นับเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของกรีก เขาให้ความสำคัญแก่วิทยาศาสตร์ เอกลักษณ์พิเศษอยู่ที่การศึกษา วิจัยด้วยวิธีการวิทยาศาสตร์ เพลโตคิดว่านักปกครองที่ดีต้องรู้วิทยาศาสตร์และปรัชญาการเมือง มีสำนักอิโสเครติสที่เอเธนส์ แต่ไม่เห็นประโยชน์ของวิทยาศาสตร์ เพลโตเคยพูดหัวข้อ On the good เป็นเรื่องคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์มีศิษย์ชื่ออริสโตเติลเข้าศึกษาที่อะคาเดมี พ.ศ. ๑๗๖
เพลโตเป็นนักปรัชญาตะวันตกคนแรกที่สอนปรัชญาอย่างมีระบบ พลาโตกล่าวว่าความรู้ระดับผัสสะหรือสัญชานไม่ใช่ความรู้เป็นเพียงทัศนะ แต่ละคนให้ความรู้ไม่ตรงกันและสัญชานไม่ช่วยให้คนเราพบความจริงแท้ ความรู้แท้จริงได้จากเหตุผล ความรู้หมายถึงการค้นพบมโนคติ(Idea) โสเครติสกล่าว่า ความรู้หมายถึงการค้นพบมโนภาพ(Concept) พลาโตกล่าวว่า คนค้นพบมโนคติโดยการคิดแบบวิภาษวิธี จิตมีวิธีทำวิภาษวิธี ที่อธิบายด้วยเส้นแบ่ง
อภิปรัชญาของเพลโตเป็นเรื่องเกี่ยวกับทฤษฏีแห่งมโนคติ และจักรวาลวิทยา ทฤษฎีแห่งมโนคติหรือแบบของเพลโตนับเป็นการค้นพบปรัชญาที่สำคัญของเพลโต ทฤษฎีเสนอแก่นแท้หรือสาระของสรรพสิ่งต่างจากปฐมภูมิธาตุของปรัชญากรีกสมัยนั้น
![](https://sites.google.com/a/samakkhi.ac.th/arrayathamgreek/_/rsrc/1441881232880/prachy-laea-nak-khid-sakhay/images%20%281%29.jpg)
อริสโตเติล ( Aristotle ) เป็นศิษย์ของพลาโต เป็นปราชญ์คนสุดท้ายของปรัชญากรีกสมัยรุ่งเรือง หลังจากอริสโตเติลสิ้นชีวิต
ปรัชญาตะวันตกต้องรอถึง ๒๐๐๐ ปี จึงจะมีปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่ทัดเทียมกับอริสโตเติล
อริสโตเติลเกิดพ.ศ. ๑๕๙ ที่เมืองสตาริกา บิดาเป็นแพทย์หลวง เมื่ออายุได้ ๑๗ ปีได้ไปศึกษาในสำนักอะคาดามีของพลาโตนานถึง ๒๐ ปี อริสโตเติลตั้งสำนักของตนเองชื่อ ไลซิอัม(Lyceum) คล้ายของพลาโต ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาของตรรกศาสตร์ และสัตววิทยา ปราชญ์ยุคหลังแบ่งงานนิพนธ์ ของอริสโตเติลเป็น ๗ หมวด
๑) หมวดตรรกศาสตร์เป็นเครื่องมือแสวงหาความรู้
๒) หมวดวิทยาศาสตร์ธรรมชาติเช่นฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สัตว์ ว่าด้วยกำเนิดสัตว์
๓) หมวดจิตวิทยา มีหนังสือว่าด้วยวิญญาณ ว่าด้วยความฝัน
๔) หมวดอภิปรัชญา มี ๑๔ เล่ม
๕) หมวดจริยศาสตร์ มีราว ๓ เล่ม
๖) หมวดรัฐศาสตร์
ฮิปโปกราเตส(Hippocrates; ประมาณ พ.ศ. 83-166) ได้ชื่อว่าเป็น “บิดาแห่งการแพทย์ตะวันตก” และต้นตอของ “คำสัตย์สาบานฮิปพอคราทีส (Hippocrates oath) ในจรรยาบรรณแพทย์ เกิดที่เกาะโคส ประเทศกรีซ
ฮิปโปกราเตสได้รับการยกย่องเป็นอย่างสูงในวงการแพทย์รุ่นโบราณ ว่าเป็นผู้รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับวิชาการแพทย์ไว้มากกว่า 70 ชิ้นงาน โดยเฉพาะเรื่อง “ฮิปโปกราเตสคอร์ปัส” (Hippogrates corpus)แต่ในภายหลังก็เป็นที่ทราบกันว่าใน 70 เรื่องนี้มีไม่กี่ชิ้นที่เขียนโดยฮิปพอคราทีสเอง แต่เชื่อว่าชิ้นงานทั้งหลายดังกล่าวเกิดจากการสะสมตำราและเอกสารในห้องสมุดของโรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่งในสมัยนั้นซึ่งได้มาจากหลายแหล่ง เขียนโดยหลายคนที่มีความเห็นต่างๆ กัน แต่นำมารวมผิดๆ ถูกๆ ภายใต้ชื่อฮิปโปกราเตส
ฮิปโปกราเตส ได้ทำคุณประโยชน์ทางการแพทย์ไว้อย่างใหญ่หลวงโดยการรักษาคนไข้อย่างมีแบบแผน ผิดกับแพทย์ทั่วไปในสมัยนั้นที่ตั้งตนเป็นผู้มีคาถาอาคมเป็นผู้วิเศษที่เชื่อว่าการเจ็บป่วยเป็นการถูกลงโทษโดยพระเจ้าต้องรักษาด้วยพิธีกรรม แต่ฮิปโปกราเตสทีสกลับเห็นว่าเกิดจากสาเหตุทางธรรมชาติ ฮิปโปกราเตสทีสเป็นคนแรกที่ทำระเบียนบันทึกอาการและประวัติของคนไข้ วางกฎเกณฑ์วิธีการปฏิบัติตนของแพทย์กับคนไข้ ซึ่งยังคงถือปฏิบัติกันอยู่ถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ดีความสำเร็จของผู้เขียนรวมนิพนธ์ฮิปโปคราเตส ผู้ปฏิบัติวิชาแพทย์แบบฮิปโปกราเตส และผลงานของฮิปโปกราเตสเองถูกหลอมรวมกันไปอย่างแยกไม่ออก ทำให้มีข้อมูลตกทอดมาถึงปัจจุบันน้อยมากว่าสิ่งใดกันแน่ที่ฮิปโปกราเตสเป็นผู้คิด เขียน และทำจริงๆ แม้กระนั้นฮิปโปกราเตสก็ได้รับการยกย่องเป็นแบบอย่างของการแพทย์ในยุคโบราณ โดยเฉพาะการเป็นผู้ทำให้เกิดความก้าวหน้าอย่างมากในการศึกษาวิชาแพทย์ทางคลินิกอย่างเป็นระบบ รวบรวมวิชาแพทย์ของคำสอนการแพทย์ในอดีตเอาไว้ และสั่งสอนเวชปฏิบัติแก่แพทย์ผ่านคำปฏิญาณฮิปโปคราเตส รวมนิพนธ์ และงานชิ้นอื่นๆ
เฮโรโดตัส( Herodotus, 480 – 430 B.C)
เฮโรโดตัสผู้ซึ่ง ซิเซโร (Cicero) รัฐบุรุษชาวโรมันได้ยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งประวัติศาสตร์” (The father of history) เป็นชาวเมือฮาลิคาเนซุส ริมฝั่งทะเลเอเชียไมเนอร์ เกิดในตระกูลผู้ดี เป็นผู้ได้รับการฝึกอบรมทางสติปัญญาดีและมีความรู้ความสามารถ ทั้งวัฒนธรรม วรรณคดี การเมือง เขาได้ส่งเสริการเขียนประวัติศาสตร์และมานุษยวิทยาเป็นอย่างมาก จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งประวัติศาสตร์อย่างที่ซิเซโรยกย่อง
จากการเข้าไปมีส่วนร่วมในการต่อต้านการปกครองรัฐบาลที่กดขี่ข่มเหงประชาชน เขาจึงถูกเนรเทศออกนอกประเทศ จากจุดนั้นเองเขาจึงได้เดินทางไปยังที่ต่าง ๆ มากมาย เช่น ฟินิเชีย อียิปต์ เกาะซิซิลี อิตาลี กรีก ฯลฯ เขาได้รับความเชื่อ คติชน ต่าง ๆ จากสถานที่ที่เข้าไปสัมผัสด้วยตนเอง และได้รวมรวมเป็นหนังสือชื่อ Historia แปลว่าการค้นคว้าวิจัย การสืบถามหาข้อมูลที่เป็นจริง หนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็น 9 เล่ม แบ่งเนื้อหาสาระดังนี้คือ 6 เล่มแรก กล่าวถึงเรื่องราวของเปอร์เซีย ประวัติศาสตร์อียิปต์ และการปกครองของอาณาจักรไปโอเนียน อีก 3 เล่ม กล่าวถึงสงครามระหว่างชาวกรีกกับชาวเปอร์เซีย
ทูซีดีดิส (Thucydides, 456 – 396 B.C.)
ทูซีดีดิสเป็นชาวเอเธนส์ ในตระกูลสูงและมีฐานะมั้นคง มีหน้าที่เป็นผู้บังคับบัญชากองทหารเรือช่วงที่เกิดสงครามเพโลโพนีเซียน (431 – 404 B.C.) ให้นำกองทัพเรือไปยังดินแดนแทรซ แต่เขาได้นำกองทัพเรือไปไม่ทันการณ์จึงถูกลงโทษ โดยการเนรเทศออกนอกรัฐเอเธนส์เป็นเลา 20 ปี
ทูซีดีดิสเดินทางท่องเที่ยวไปในที่ต่าง ๆ เพื่อศึกษาความรู้ละนำข้อมูลต่างๆ มาเขียนประวัติศาสตร์สงครามระหว่างเอเธนส์กับสปาร์ตา เขาสนใจอย่างมากที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนของสตรูคือสปาร์ต้าให้มากที่สุด งานเขียนชิ้นสำคัญคือ The history of The Peloponnesian War. ในปีที่ 431 ก่อนคริสตกาล เขาได้รับอิทธิพลทางความคิดจากนักปรัชญากลุ่มโซฟิสต์ คือ โพรตากอรัส และ กอร์เจียส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น